Well-being ไลฟสไตล์ อยู่ดีมีสุข
คนทุกคนก็อยากใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณก็เช่นกันใช่หรือไม่? แต่ปัญหาสำคัญที่คนจำนวนมากต้องเจอคือการหาความสุขในชีวิตนี่ละ อะไรบ้างที่จะเป็นตัวกำหนดว่าเราสุขน้อย สุขมากหรือมีความทุกข์? แน่นอนว่าจริงๆแล้วเป็นเรื่องพื้นฐานอย่าง เรื่องสุขภาพร่างกาย จิตใจ สังคม อารมณ์ และที่สำคัญของเรื่องของเศรษฐกิจของคุณเองหรือของครอบครัว
จากผลสำรวจของ META (Facebook) Sout East Asia Report 2023 ซึ่งสำรวจคนในภูมิภาคเอเชียตะวะออกเฉียงใต้ (South East Asia : SEA) ในหลายๆ แง่มุมประเด็นหนึ่งที่จะหยิบยกมาคือเรื่องของคนตอนนี้คำนึงถึงเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น แต่ยังมีช่องว่างระหว่างการคิดและทำอยู่ (หัวข้อในรายงานตือ Wellness concerns grow, but say-do gap persists) ซึ่งตัวเลขที่น่าสนใจอันหนึ่งคือในภูมิภาค SEA มีความกังวลต่อเรื่องสุขภาพอยู่ในระดับสูงและสูงกว่าค่าเฉลี่ย Europe ส่วนในไทยเราเองอยู่ที่ 0.48 และความกังวลในเรื่องอารมณ์และจิตใจของไทยเราอยู่ที่ 53% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย Europe ด้วยเช่นกัน
ที่มา : Meta / DSG / Bain Consumer Survey
แต่ในณะเดียวกันค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Private healthcare1 และ Wellness2 กลับต่ำกว่า Europe หรือแม้แต่จีน
1Private healthcare คือบริการหรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสุขภาพ เช่น บริการคลินิกและโรงพยาบาลเอกชน ศูนย์สุขภาพเฉพาะทางต่างๆ บริการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ ประกันสุขภาพ
2Wellness product เช่น วิตามินและอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหารเสริมเพื่อการออกกำลังกายเช่ย เวย์โปรตีนและอื่นๆ
แปลว่าคนใน SEA รวมถึงไทยของเราคำนึงถึงและกังวลต่อเรื่องสุขภาพกายสุขภาพใจแต่ค่าใช้จ่ายเพื่อสิ่งเหล่านี้ในระดับที่ต่ำกว่าจีนและ Europe ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเรื่องความแตกต่างของมูลค่าเงินที่ไม่เท่ากับประเทศในแถบยุโรป แต่ในขณะเดียวกันเมื่อดูในรายละเอียดจะพบอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญนั่นคือ Disposable income per capita3 ที่ประเทศใน SEA รวมถึงไทยเรายังเงินเหลือมาใช้จ่ายกับเรื่อง wellness น้อยกว่าหรือพูดง่ายๆว่า คนไทยเรามีความกังวลต่อเรื่องสุขภาพและจิตใจสูงแต่มีกำลังทรัพย์ที่จะจ่ายเพื่อตอบสนองสิ่งเรานั้นน้อยกว่าจีนและ Europe
3Disposable income per capita คือรายได้สุทธิหลังหักต่าใช้จ่ายจำเป็นอื่นๆแล้วเช่นค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน และสินค้าอุปโภคบริโภค
ที่มา : Meta / DSG / Bain Consumer Survey
ผลสำรวจที่ยกมาคงไม่ใช่บทสรุปสุดท้าย เพราะแต่ละประเทศยังมีปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมาก ดังนั้นรายงานนี้นำเสนอได้เฉพาะในแงมุมที่วัดได้เช่นมูลค่าการจับจ่ายใช้สอย แต่ในความเป็นจริงจะสุขหรือทุกข์ไม่ได้วัดกันง่ายขนาดนั้น ตัวอย่างเช่นจากรูป สิงคโปร์ (SG) มี Disposable Income สูงกว่าไทยมากแต่กลับมีค่าระดับความกังวลต่อเรื่องสุขภาพและจิตใจสูงกว่าไทย (TH) โดยนัยยะอาจมองได้ว่าคนไทยแม้จะมีเงินที่จะมาใช้จ่ายในเรื่อง บริการสุขภาพต่างๆน้อยกว่า แต่มีวิธีบางอย่างที่ใช้รับมือกับเรื่องเหล่านี้และไม่ได้ทุกข์จนเกินไปก็เป็นได้ (หรือแม้แต่การที่ไทยได้รับการยกย่องว่ามีระบบสาธารณะสุขที่ดีจนได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติก็คงมีผลไม่น้อย)
จากที่กล่าวมานี้ หากเราลองมองย้อน “วิถีชีวิต” ของเรานี่คือสิ่งสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดสิ่งเราต้องประสบพบเจอ “ทุกวัน” คำว่าทุกวันนี่ละครับคือตัวสำคัญที่จะกล่าวถึง
ที่อยู่อาศัยคือวิถีชีวิตที่จะกำหนด “ทุกวัน” ที่เราต้องเจอ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อวิถีชีวิตและท้ายที่สุดความสุขและทุกข์ของคุณในแง่มุมต่างๆ การจะใช้ชีวิตในเมืองกรุงฯได้อย่าง well-being ควรจะมีอะไร อย่างไรบ้าง??
อยู่ใกล้โรงเรียนลูกไม่ต้องไปส่งลูกไกลจากที่ทำงานทุกเช้าๆ?
มีพื้นที่สีเขียวใกล้ๆให้เราได้ใช้เวลาหลังเลิกงานไปเดินไปวิ่งเพื่อเป็นการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ?
อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลเพราะมีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ด้วยเพื่อความสะดวก?
อยู่ในย่านที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้างให้เดิน มีตลาดให้ซื้อ หรือมีร้านกาแฟโปรดที่เราอยากจะมีช่วงเวลาชิลๆในวันอาทิตย์?
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงเป็นคำตอบของใครหลายๆคนหรือไม่ใช่คำตอบของบางคนเลย ก็ไม่ผิดอะไรเพราะต่างคนต่างมี “วิถีชีวิตที่ชอบ ใช้ชีวิตที่ใช่” ในแบบของตน
วันนี้เราจึงขอมาแนะนำโครงการคอนโดที่คิดว่ามีองค์ประกอบการใช้ชีวิตแบบ well-being มานำเสนอให้ชมกัน
1.The XXXIX by Sansiri
คอนโดระดับ ultimate class จากผู้พัฒนาชั้นแนวหน้าอย่างแสนสิริ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนถนนสุขมวิท ติดซอยสุขุมวิท 39 กับระยะ 350 เมตรถึงรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ EmQuartier และทางด่วนเส้นหลัก 3 สาย นำเสนอความลงตัวของการอยู่อาศัยใจกลางเมืองแต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบสุขกายสายใจ ด้วยที่ตั้งไม่ไกลจากอุทยานเบญจสิริที่ร่มรื่นกินพื่นที่กว่า 29 และห่างออกไปเพียงระยะเดิน 500 เมตรเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนใส่ใจสุขภาพที่อยากมีตัวเลือกนอกเหนือไปจากบริการฟิตเนสในโครงการ ให้ออกมานั่ง วิ่ง เดินในสวนทั้งเช้าหรือเย็น อีกทั้งที่ตั้งไม่ต้องนับระยะจากโรงพยาบาล BBH เพราะอยู่ติดกันชนิดมองออกหน้าต่างก็เห็น เดินอีกนิดก็ถึงเป็นอีกความสะดวกกาย สบายใจในยามจำเป็นหรือแม้แต่ผู้สูงอายุใน
สวนเบญจสิริในมุมมองที่ผสานความเป็นเมืองกับพื้นที่สีเขียว
พื้นที่เพื่อกิจกรรมที่หลากหลาย
ที่มา : https://www.ananda.co.th
2.VENIO Condo Sukhumvit 10
“อิสระที่เลือกได้ใจกลางอโศก”
คอนโด Lowrise 8 ชั้น จากค่าย Ananda เงียบสงบ ยูนิตน้อย ไม่พลุกพล่านแม้อยู่ในย่านอโศก
150 เมตรถึงสวนเบญจกิตติ เหมาะแก่การมาเดิน วิ่งหรือออกกำลังกายทั้งตอนเช้าก่อนทำงาน หรือตอนเย็นหลังเลิกงาน โดยในสวนเบญจกิตติเองมีโรงพยาบาลสวนเบญจกิตติ สะดวกสะบายโดยเฉพาะหากมีผู้สูงวัยอาศัยอยู่ด้วยหรือแม้แต่ในโอกาสจำเป็น
การเดินทางที่สะดวก 750 เมตรถึง BTS อโศก แต่มีบริการรถรับส่งไปสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก
ถือได้ว่าเป็น unit ลับรองรับไลฟ์สไตล์แบบที่ชอบความเป็นส่วนตัวแต่ก็ขออยู่ย่านใจกลางเมือง
สวนป่าเบญจกิติ จุดชมเมืองกลางน้ำ สกายวอล์กเชื่อมสวนลุมฯ
ป่าในเมือง
ภาพจาก : https://www.prachachat.net
3.Sindhorn Lumpini
“THE REJUVENATION BEGINS”
คอนโดระดับ Super Ultimate ที่มากับ concept “THE REJUVENATION BEGINS” ที่บ่งบอกว่าสถานที่นี้คือที่ที่คุณกลับมาชาร์จพลังชีวิตได้เสมอหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน กับโลเคชั่นทองที่ไม่เป็นสองรองใคร ข้ามถนนสารสินมาก็ถึงสวนลุมพินี สวนใหญ่ใจกลางกรุงอันดับหนึ่งของชาวกทม. เหมาะแก่การทำกิจกรรมหลากหลายในพื้นที่ขนาด 360 ไร่ ที่ต้องมีอะไรให้คุณชอบได้แน่ๆในแนวชีวิตที่ใส่ใจสุขภาพกายใจ
ไม่ไกลจากที่นี่ 750 เมตรถึงโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โรงพยาบาลที่อุดมไปด้วยแพทย์แถวหน้าของไทยในหลายแขนง เผื่อไว้ในยามจำเป็น
ภาพมุมสูงให้เห็นขนาด 360 ไรของวนลุมพินี
ที่มาภาพ : https://www.tourismthailand.org
การผสานกันของเมืองและพื้นที่พักผ่อน
ที่มาภาพ : https://nerdnomads.com/lumphini-park